เจ้าช่อมาลี - 【OFFICIAL MV】 - YouTube
ปลายแยก 5 แฉก มี 5 กลีบรูปรีหรือรูปไข่กลับ เบี้ยวเล็กน้อย ยาว 2–4 มม. ปลายมน กลีบบิดเวียนซ้าย เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดใกล้โคนหลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูรูปเงี่ยงลูกศร ปลายเรียวแนบติดปลายเกสรเพศเมีย จานฐานดอกจัก 5 พู มี 2 คาร์เพล แนบติดกันเรียวยาวเป็นก้านเกสรเพศเมีย ออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ผลช่อมาลี ผลเป็นฝักคู่ รูปทรงกระบอกยาว ยาว 12-27 ซม. กว้าง 4-7 มม. ผิวเกลี้ยง มีรอยคอดตามเมล็ด ผลแก่ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม เมล็ดช่อมาลี ฝักแก่แห้งแตก มีเมล็ดจำนวนมาก รูปรี เรียวยาว 0. 6-1. 2 ซม. ปลายด้านหนึ่งมีพู่ขนสีขาว ยาว 2-3 ซม.
ข้อมูลพรรณไม้ ต้นช่อมาลี กุมาริกา สร้อยมาลี เครือเขามวก ชื่อวิทยาศาสตร์ ไม้เลื้อยดอกหอม ลักษณะ ประโยชน์ วิธีปลูก ดูแล ขยายพันธุ์ พันธุ์ต่างๆ ☛ ดูเพิ่มเติม.. ไปที่ร้านค้า ภาพ: กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ ช่อมาลี, กุมาริกา ชื่อไทยของพรรณไม้ชนิดนี้ มีชื่อทางการ ว่า " เครือเขามวก " ซึ่งอ้างอิงตามข้อมูลชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย โดย เต็ม สมิตินันทน์ (ฉบับแก้ไขปรับปรุง พ. ศ.
5 ธ. ค. 2557 05:01 น.
สร้อยสุมาลีด่าง กุมาริกา/เครือเขามวกขาว/ช่อมาลี ชื่อวิทยาศาสตร์: Parameria laevigata (Juss. )
พบทางภาคใต้ ตาดอกมีขนสั้นนุ่ม ต้นช่อมาลี มีถิ่นกำเนิดพบที่จีน พม่า ภูมิภาคอินโดจีนและภูมิภาคมาเลเซีย ในไทยพบทั่วทุกภาคของประเทศไทย ขึ้นตามชายป่าหรือในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ตามชายป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ และป่าบุ่งป่าทาม ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 900 ม. ข้อมูล ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นช่อมาลี มีลักษณะเป็น ไม้เถาเลื้อยล้มลุก อายุหลายปี ยาว 4-10 ม. ทุกส่วนเมื่อเกิดแผลจะมีน้ำยางสีขาวขุ่น ตามกิ่งอ่อน ก้านใบและช่อดอกมีขนสั้นประปราย-เกลี้ยง เถามีข้อนูน ใบช่อมาลี ใบเดี่ยว ใบเรียงตรงข้ามหรือเรียงรอบข้อ 3 ใบ ใบรูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาว 3-7 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ผิวใบเรียบเกลี้ยงเป็นมันเงา เนื้อใบค่อนข้างหนา มีขนหยาบตามซอกเส้นแขนงใบด้านล่างคล้ายตุ่มใบ เป็นกระจุกขนสีสนิมที่ง่ามเส้นแขนงใบและเส้นกลางใบ 2-3 คู่ เส้นแขนงใบข้างละ 4-6 เส้น ไม่นูนเด่นที่ผิวใบด้านล่าง ก้านใบยาว 1-4 มม. ดอกช่อมาลี ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือกิ่ง ช่อดอกแบบช่อกระจุกสั้น ๆ แยกแขนง ยาว 5-16 ซม. ออกตามปลายกิ่ง ใบประดับขนาดเล็ก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ ยาวประมาณ 1 มม. กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนหรือแดง มีเกล็ดที่โคน ดอกรูปดอกเข็ม ดอกมีกลิ่นหอม กลีบดอกสีขาวหรือ สีขาวอมชมพู กลีบเรียงซ้อนทับด้านซ้ายในตาดอก โคนเป็นหลอดป่องที่โคนและมี 5 สัน หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 2 มม.
มีบัญชีอยู่แล้ว? 0 ผู้ติดตาม 20 กำลังติดตาม ความสุขแบบง่ายๆๆ รักแม่.... วันที่ไปส่งแม่ ที่ร. พ.
Moldenke (1940) แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปรวมอยู่ในสกุล Urceola เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Urceola laevigata (Juss. ) D. J. Middleton & Livsh. (2018) อยู่ในวงศ์ Apocynaceae (ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก "para" ใกล้ และ "meris" ส่วน ตามลักษณะดอกที่ออกชิดกัน) ชื่อพ้อง (Synonyms): Chonemorpha densiflora (Blume) Ecdysanthera barbata (Blume) Miq. Ecdysanthera densiflora (Blume) Miq. Ecdysanthera glandulifera (Wall. ex) Ecdysanthera griffithii Wight Echites barbatus (Blume) Echites densiflorus Blume Echites glandulifer Wall. ex Parameria angustior (Miq. ) Boerl. Parameria barbata (Blume) Parameria glandulifera (Wall. ex) Benth. & Hook. f. ex Kurz Parameria laevigata (Juss. ) Moldenke Parameria philippinensis Radlk. Parameria pierrei Baill. Parameria vulneraria Radlk. Parsonsia barbata Blume Aegiphila laevigata Juss. ถิ่นกำเนิด การกระจายพันธุ์ และถิ่นที่อยู่อาศัย สกุล Urceola Roxb. ทั่วโลกมีประมาณ 21 ชนิด กระจายพันธุ์กว้าง พบในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงหมู่เกาะสุมาตรา ในไทยพบหลายชนิด เช่น Urceola polyneura (Hook.