การวิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมร้อยกรอง การวิเคราะห์องค์ประกอบของวรรณคดี/วรรณกรรม ร้อยกรอง ๑. รูปแบบคำประพันธ์ หมายถึง ลักษณะร่วมของงานประพันธ์อันเป็นวิถีทางที่ผู้ประพันธ์ เลือกใช้ในการนำเสนอเนื้อหาไปสู่ผู้อ่านรูปแบบคำประพันธ์ได้ เช่น กาพย์ กลอน โคลง ร่าย ฉันท์ เป็นต้น ลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด กวีจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเนื้อหาได้ ดังนี้ ๑. ๑ กาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่กวีมักใช้แต่งเป็นทำนองเล่าเรื่อง ๑. ๒ กลอน เป็นคำประพันธ์ที่กวีมักใช้แต่งเพื่อ แสดงอารมณ์ แสดงความคิดเห็น เล่าเรื่องหรือสะท้อนภาพสังคม กลอนที่กวีแต่งพรรณนาคร่ำครวญถึงบุคคลอันเป็นที่รัก ขณะเดินทางไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่งลักษณะเช่นนี้เรียก กลอนนิราศ กลอนที่นำนิทานมาแต่งเรียก กลอนนิทานหรือนิทานคำกลอน กลอนที่นำนิทานหรือการเล่าเรื่องมาใช้แสดงละคร เรียก กลอนบทละครกลอนที่นำไปใช้แต่งเป็นบทร้องโต้ตอบกัน เรียก กลอนสักวา กลอนอกสร้อย กลอนเสภา ๑. ๓ ร่าย เป็นลักษณะคำประพันธ์ที่ใช้แต่งเป็นเนื้อเรื่องตลอด ๑. ๔ โคลง กวีนิยมแต่งโคลงเรื่องโดยใช้โคลงแต่งทั้งเรื่อง ๑. ๕ ฉันท์ เป็นคำประพันธ์ที่ได้แบบอย่างมาจากบาลีกวีมักเลือกใช้ฉันท์ให้เหมาะสม กับลักษณะเนื้อเรื่อง การพิจารณารูปแบบคำประพันธ์ ต้องพิจารณาดูว่า กวีเลือกใช้คำประพันธ์เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องหรือไม่ แต่งคำประพันธ์นั้นถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์หรือเปล่า เป็นต้น ๒.
เสาวรจนีหรือชมโฉม เป็นลีลากวีใช้ถ้อยคำชมความงามของตัวละครชมความงามของสิ่งต่างๆ หรือสถานที่ ตัวอย่าง เช่น เดือนจรัสโพยมแจ่มฟ้า ผิบได้เห็นหน้า ลอราชไซร้ดูเดือน ดุจแล ตาเหมือนตามฤคมาศ พิศคิ้วพระลอราช ประดุจแก้วเกาทัณฑ์ ก่งนา พิศกรรณงามเพริศแพร้ว กลกลีบบงกชแก้ว อีกแก้มปรางทอง ( ลิลิตพระลอ) ๒. นารีปราโมทย์หรือบทโอ้โลม เป็นลีลาที่กวีใช้ถ้อยคำแสดงความรักใคร่เกี้ยวพาราสีกันหรือพูดให้เพลิดเพลิน ตัวอย่างเช่น ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม เจ้าเยื้อนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ ( ขุนช้างขุนแผน) ๓. พิโรธวาทังหรือบริภาษเป็นลีลาที่กวีใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงความโกรธขุ่นเคือง เยาะเย้ย ตัดพ้อต่อว่าเหน็บแนมซึ่งกันและกันของตัวละคร ตัวอย่างเช่น เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่ง พ่อโกรธขึ้งสิ่งไรเป็นใหญ่หลวง โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อนทั้งปวง มีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอก จะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ ๔.
วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ. ศ. 2554 แบบทดสอบ 1 แบบทดสอบเรื่อง... 5... ข้อ วิชาภาษาไทย ท 21101 ระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง... ข้อ โดย อ. ภาสกร บาลไธสง.. โรงเรียน กลันทาพิทยาคม คำสั่ง เลือก หรือ เติมคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
๓ บุคคลวัต หรือ บุคคลสมมติ กวีใช้การสมมุติสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ให้มีกิริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ตัวอย่างเช่น มะนาวน้อยอย่าพลอยไปเหลิงเล่น ตะวันเย็นลงไปจะไม่แจ้ง ผักชียี่หร่าไยตาแดง ตะกร้าเก่านอนตะแคงเฝ้าคอยดู ( จาก " ราร้างอย่างแร้งไร้ ": แรคำ ประโดยคำ) กวีใช้มะนาว ผักชี ยี่หร่า ตะกร้าให้มีกิริยาเหมือนมนุษย์ คือ มะนาวทำกิริยาเหลิงเล่น ผักชี/ยี่หร่าทำกิริยาตาแดง ตะกร้าทำกิริยานอนตะแคงเฝ้าคอยดู ๔. ๔ อติพจน์ กวีใช้การกล่าวผิดไปจากที่เป็นจริง โดยการกล่าวให้มีลักษณะเกินความเป็นจริง หรือน้อยกว่าจริงเพื่อให้ถ้อยคำกระทบอารมณ์ของผู้อ่านให้มีความรู้สึกเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ เช่น เอียงอกเธออกอ้าง อวดองค์ อรเอย เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม อากาศจักจารผจง จารึก พอฤา โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤาเห็น ( จากโคลงนิราศนรินทร์: นายนรินทร์ธิเบศร์) กวีใช้คำ เอียงอกเท แทนสิ่งที่อยู่ในใจ ใช้เขาพระสุเมรุชุบน้ำและดิน แทนปากกาเขียนข้อความในอากาศ ซึ่งล้วนเป็นลักษณะที่เกินความเป็นจริง ๔. ๕ สัทพจน์ หรือการเลียนเสียงธรรมชาติ กวีใช้การเปรียบเทียบโดยการใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ ทำให้เสียงไพเราะเกิดจินตภาพได้ชัดเจน เกิดความรู้สึกคล้อยตาม ตัวอย่างเช่น เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอู่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกเสทือนสะท้าน ถิ่นไม้ไพรพรม ( โคลงนิราศสุพรรณ: สุนทรภู่) กวีใช้เลียนเสียงของช้างในคำ แปร๋นแปร๋นแกร๋นแกร๋น ฮูมฮูม ทำให้เกิดจินตภาพได้ชัดเจน ๔.