ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดความเร็วของรถยนต์บนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบท 2 เลนขึ้นไป มีเกาะกลางถนน ไม่มีจุดกลับรถระดับถนน ปรับลิมิตความเร็วใหม่สูงสุด 120 กม. /ชม. วิ่งขวาห้ามต่ำกว่า 100 กม. /ชม ความเร็วสูงสุดที่กำหนดใหม่ สำหรับรถแต่ละประเภท รถจักรยานยนต์: ไม่เกิน 80 กม. รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกัน ตั้งแต่ 400 ลบ. ม. ขึ้นไป: ไม่เกิน 110 กม. รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน: ไม่เกิน 80 กม. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2, 200 กก. รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน: ไม่เกิน 90 กม. รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน: ไม่เกิน 100 กม. รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถเกษตรกรรม: ไม่เกิน 45 กม. รถลากจูงรถอื่น รถยนต์ 4 ล้อเล็ก หรือรถยนต์ 3 ล้อ: ไม่เกิน 65 กม. รถยนต์ประเภทอื่นๆ: ไม่เกิน 120 กม. และขับช่องขวาสุดห้ามวิ่งต่ำกว่า 100 กม. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สำหรับกฎหมายกำหนดความเร็วการใช้รถยนต์ของ ประเทศไทย ได้ยึดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก และพระราชบัญญัติจราจรทางหลวง โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ กรุงเทพมหานคร, เมืองพัทยา และเทศบาลทุกจังหวัด: 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทางหลวงระหว่างจังหวัด: 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอเตอร์เวย์ และวงแหวนกาญจนาภิเษก: 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์บนถนนที่มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพิ่มเป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ. 2563 แล้วควรขับด้วยความเร็วที่เท่าไร? สรุปว่าผู้ใช้รถควรขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยจะต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายอยู่เสมอ และไม่ควรขับแช่ขวา จะเข้าช่องทางขวาก็ต่อเมื่อต้องการแซงขึ้นหน้าคันอื่นเท่านั้น จากนั้นก็กลับสู่ช่องทางซ้าย เพื่อความปลอดภัยทั้งส่วนตัว และต่อส่วนรวม ข้อมูลจาก (กรมทางหลวงชนบท), เฟซบุ๊กกองปราบปราม
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและพระราชบัญญัติจราจรทางหลวง ได้กำหนดความเร็วรถที่สามารถใช้ได้กับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงรถบรรทุกด้วยว่าสามารถใช้ความได้เท่าไหร่จึงจะไม่ผิดกฎหมายจราจร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งถนนแต่ละเส้นก็สามารถใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เท่ากัน แล้วถนนเส้นไหนขับความเร็วเท่าไหร่ถึงจะไม่ผิด? วันนี้วิริยะประกันภัยจะพาคุณไปหาคำตอบกัน อัตราความเร็วของยานพาหนะในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเขตเทศบาลทุกจังหวัด 1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1, 200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร จะสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือถ้าสัญจรอยู่นอกเขตให้ขับได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2. รถยนต์อื่นๆ ที่ใช้ลากจูงรถพ่วงหรือรถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนัก บรรทุกเกิน 1, 200 กิโลกรัม หรือรถยนต์สามล้อให้ขับได้ไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3. รถยนต์อื่นๆ หรือรถจักรยานยนต์ ให้ขับได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือนอกเขตได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราความเร็วของยานพาหนะในทางหลวงระหว่างจังหวัด 1.
จากกรณีที่มีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการห้ามโดยสารกระบะหลังและแค็บอย่างเข้มงวดนั้น ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถกระบะในวงกว้าง ซึ่งแม้ว่าจะมีการระบุอยู่ในกฎหมายอย่างชัดเจนมาอย่างยาวนาน แต่ก็มีการอนุโลมผ่อนผันจากผู้บังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด ในความเป็นจริง ยังมีกฎหมายว่าด้วยการใช้รถใช้ถนนอีกมากมาย ที่ถูกฝ่าฝืนจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่ง Sanook! Auto ขอยกตัวอย่างมาให้ 6 ข้อดังนี้ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตามกฎหมายแล้วบ้านเรามีการจำกัดความเร็วในเมืองไม่เกิน 80 กม. /ชม. นอกเมืองไม่เกิน 90 กม. ทางด่วนไม่เกิน 110 กม. มอเตอร์เวย์ไม่เกิน 120 กม. แต่ทุกวันนี้เราพบเห็นรถบางคันวิ่งด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนดเป็นจำนวนมาก ซึ่งการขับรถเร็วเกินกำหนดมีความผิดตาม พ. ร. บ. จราจร พ. ศ. 2522 มาตรา 67 วรรค 1 และ 152 มีโทษปรับไม่เกิน 1, 000 บาท หยุดรถกีดขวางการจราจร การหยุดรถในเขตห้ามหยุด จนเป็นสาเหตุให้กีดขวางการจราจร รถคันอื่นไม่สามารถเข้า-ออกได้นั้น มีความผิดตาม พ. 2522 มาตรา 54 มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนไปก่อน เมื่อใดก็ตามที่เห็นคนกำลังจะข้ามถนน ตามกฎหมายแล้วผู้ขับขี่รถมีหน้าที่หยุดให้คนข้ามไปก่อน ซึ่งการฝ่าฝืนไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย มีความผิดตาม พ.